ฟานไดค์ ชมลิเวอร์พูลเสริมแกร่งแทนผู้เล่นเก่า พร้อมลุยทุกการแข่งขัน

ฟานไดค์ ชมลิเวอร์พูลเสริมแกร่งแทนผู้เล่นเก่า พร้อมลุยทุกการแข่งขัน

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังและกัปตันทีมลิเวอร์พูล ออกมาชื่นชมสโมสรที่สามารถเสริมทัพแทนผู้เล่นคุณภาพที่ถูกขายไป แม้ว่าผลงานล่าสุดของทีมจะยังไม่เข้าตา แต่ยืนยันว่าทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบและทำงานหนักเพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งต่อไป

ฟาน ไดค์

ลิเวอร์พูลเซ็นสัญญานักเตะชุดใหญ่เข้ามาใหม่ 9 คน และปล่อยผู้เล่นชุดใหญ่ไป 10 คนในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยใช้เงินไปทั้งหมด 415 ล้านปอนด์ และได้เงินจากการขายนักเตะ 187 ล้านปอนด์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสุทธิสูงถึง 228 ล้านปอนด์

ฟาน ไดค์กล่าวว่า “สโมสรทำได้ยอดเยี่ยมมากในแง่ของนักเตะใหม่ที่ดึงเข้ามา แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่การเสริมทัพสมบูรณ์นัก เพราะเราสูญเสียผู้เล่นคุณภาพสูงอย่าง ลูโช่, ดาร์วิน นูนเญซ, จาเรลล์ ควอนซาห์, และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เราต้องทดแทนผู้เล่นเหล่านั้นด้วยนักเตะที่มีคุณภาพ และเราก็รู้ว่าตลาดนักเตะสมัยนี้มันยาก แต่สโมสรทำได้ยอดเยี่ยมมากที่สามารถเซ็นสัญญากับนักเตะเหล่านี้ได้”

แม้ทีมจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ฟอร์มเปิดฤดูกาลใหม่ยังไม่เข้าตา ลิเวอร์พูลเพิ่งแพ้รวด 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการก่อนช่วงพักเบรกทีมชาติเดือนตุลาคม โดยนักเตะใหม่อย่าง อเล็กซานเดอร์ อีซัค และ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยังต้องใช้เวลาปรับตัว ขณะที่แนวรับของทีมก็ยังมีจุดอ่อนให้เห็น

ฟาน ไดค์ยอมรับว่าสถานการณ์นี้เป็นความท้าทายสำคัญสำหรับทีม “มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทีมต้องปรับตัวหลังการเปลี่ยนแปลงนักเตะจำนวนมาก แต่เรามีศักยภาพที่จะสร้างทีมที่แข็งแกร่ง และทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ฟอร์มที่ไม่ค่อยดีในช่วงแรกเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับเรา”

นอกจากนี้ ฟาน ไดค์ยังพูดถึงความยากในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก “การป้องกันแชมป์หลังจากที่คว้ามันมานั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้สามารถทำได้ แต่ต้องยอมรับว่านี่เป็นเรื่องที่ท้าทายจริงๆ เราจำเป็นต้องทำงานหนักในทุกเกมทุกการแข่งขัน”

ทีมลิเวอร์พูลตอนนี้กำลังเดินหน้าปรับจูนระบบการเล่น รวมถึงการสร้างความเข้าใจระหว่างนักเตะใหม่และนักเตะเก่า ฟาน ไดค์เชื่อว่าการทำงานร่วมกันและความมุ่งมั่นจะช่วยให้ทีมกลับมาสู่ฟอร์มที่แข็งแกร่งและสู้ได้ทุกการแข่งขัน

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรับผิดชอบร่วมกันในทีม การปรับตัว การซ้อม และการทำงานหนักทุกวัน มันคือหนทางเดียวที่จะทำให้ทีมกลับมาอยู่ในระดับสูงสุด เราต้องโฟกัสกับเกมถัดไป และสร้างทีมที่สามารถแข่งขันได้ในทุกระดับ” ฟาน ไดค์กล่าวทิ้งท้าย