เอฟเวอร์ตัน ดราม่า! แซงชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 กรีลิชซัดชัยนาทีทดเจ็บ ดับสถิติไร้พ่าย

เอฟเวอร์ตัน ดราม่า! แซงชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 กรีลิชซัดชัยนาทีทดเจ็บ ดับสถิติไร้พ่าย

เอฟเวอร์ตัน ทำแฟนบอลกรี๊ดลั่นกูดิสัน พาร์ค หลังโชว์คัมแบ็กสุดดราม่า พลิกแซงชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 ในเกมที่เรียกได้ว่า เต็มไปด้วยอารมณ์และความตื่นเต้นตั้งแต่เริ่มจนจบ ทีมทอฟฟี่รอคอยชัยชนะแบบนี้มานาน และคราวนี้ก็มาครบทุกอารมณ์ ทั้งการเสียประตู, การตีเสมอ และสุดท้ายประตูชัยในช่วงทดเวลาของ แจ็ค กรีลิช นาที 90+3

เอฟเวอร์ตัน

ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงช่วยให้เอฟเวอร์ตันเก็บสามแต้มสำคัญ แต่ยังสร้างโมเมนต์ดราม่าที่แฟนบอลพูดถึงไปอีกนาน เพราะเกมนี้ถือเป็นการ ดับฝัน คริสตัล พาเลซ ที่กำลังทำผลงานร้อนแรงและขึ้นรองจ่าฝูงในขณะนั้น พร้อมต้องเสียสถิติไร้พ่าย 19 นัดติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานมากในพรีเมียร์ลีก

เกมนี้เป็นหนึ่งในแมตช์ที่แฟนบอลติดตามด้วยลุ้นระทึกตั้งแต่เริ่ม เมื่อครึ่งแรก พาเลซทำได้เหนือกว่า ทั้งการครองบอล การต่อบอล และการเข้าทำ นาทีที่ 23 อิสไมล่า ซาร์ จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ ดาเนียล มูนญอซ เติมขึ้นมายิงผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เสียบมุมตาข่ายเสาแรกให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0

ครึ่งแรก เอฟเวอร์ตันพยายามสร้างโอกาสบ้าง แต่ยังติดแนวรับแน่น ๆ ของพาเลซ ทำให้จบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์ 0-1

เข้าสู่ครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตันเริ่มกลับมาคุมจังหวะได้มากขึ้น นาทีที่ 76 ทีมได้จุดโทษจากจังหวะที่ มักซ็องซ์ ลาครัวซ์ ทำฟาวล์ ทิม อิโร้กบูนัมในเขตโทษ และเป็น อิลิมาน เอ็นดิอาย รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ทำให้เจ้าถิ่นตีเสมอ 1-1 เกมเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ

ช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมเปิดแลกกันแบบเต็มสูบ เอฟเวอร์ตันพยายามบุกหนักเพื่อปิดเกม ขณะที่พาเลซก็มีโอกาสหลายครั้ง แต่ยังเจอจังหวะเซฟของ พิคฟอร์ด รวมถึงแนวรับเจ้าบ้านที่ยืนตำแหน่งดี

ดราม่าจริง ๆ มาถึงในช่วงทดเวลานาที 90+3 เบโต้ ขึ้นโขกบอลจังหวะแรกติดเซฟ ดีน เฮนเดอร์สัน ก่อนที่มูนญอซจะเคลียร์บอลไปโดนเท้า แจ็ค กรีลิช เปลี่ยนทางตุงตาข่าย กลายเป็นประตูชัยให้เจ้าถิ่นพลิกชนะ 2-1 ท่ามกลางเสียงเฮลั่นกูดิสัน พาร์ค

ชัยชนะครั้งนี้มีความหมายกับเอฟเวอร์ตันหลายด้าน ไม่เพียงแต่เก็บสามแต้มสำคัญ แต่ยังเป็นการปลุกขวัญกำลังใจของทีม หลังต้องเจอกับสถิติสะดุดหลายเกมก่อนหน้านี้ อีกทั้งเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายของพาเลซที่ยาวนานถึง 19 นัด ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จสำคัญของทอฟฟี่

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เอฟเวอร์ตัน : จอร์แดน พิคฟอร์ด – เจค โอไบรอัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, ไมเคิ่ล คีน (ทิม อิโร้กบูนัม น.65), วิตาลี่ มิโคเลนโก้ – เจมส์ การ์เนอร์, อิดริสซ่า กาน่า เกย์ – อิลิมาน เอ็นดิอาย (เชมัส โคลแมน น.90+10), ไทเลอร์ ดิบลิ่ง (ชาร์ลี่ อัลการาซ น.46), แจ็ค กรีลิช – เธียร์โน่ แบร์รี่ (เบโต้ น.46)

คริสตัล พาเลซ : ดีน เฮนเดอร์สัน – คริส ริชาร์ดส์, มักซ็องซ์ ลาครัวซ์, มาร์ค เกฮี – ดาเนียล มูนญอซ, อดัม วอร์ตัน, ไดจิ คามาดะ (เจฟเฟอร์สัน เลร์ม่า น.82), ไทริค มิตเชลล์ – อิสไมล่า ซาร์ (คริสแตนตัส อูเช่ น.89), ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า (ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า น.70), เยเรมี่ ปิโน่ (จัสติน เดเวนนี่ น.89)

บรรยากาศหลังเกม
แฟนบอลเอฟเวอร์ตันในสนามต่างส่งเสียงเฮสุดลั่น แสดงถึงความโล่งใจและความสุขกับผลการแข่งขัน เกมนี้ยังทำให้เห็นว่าทีมเริ่มคุมจังหวะเกมได้ดีขึ้น การเข้าทำมีความเด็ดขาดมากขึ้น ส่วนพาเลซถึงแม้จะแพ้แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงการเล่นที่มั่นคงตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

บทวิเคราะห์หลังเกม (มุมเพจ Royal Football)
เกมนี้ต้องบอกว่า เอฟเวอร์ตันเหมือนฟื้นคืนชีพในช่วงครึ่งหลัง การบุกเริ่มมีจังหวะต่อบอลเร็ว การสร้างสรรค์เกมรุกมีความหลากหลาย และการกดดันคู่แข่งทำได้ดีมากขึ้น ส่วนพาเลซแม้จะนำก่อนและครองเกมได้เหนือกว่า แต่สุดท้ายก็เสียสมาธิในช่วงท้ายเกม การเสียประตูช่วงทดเจ็บทำให้สถิติไร้พ่ายยาวนานจบลง เกมนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าฟุตบอลสามารถพลิกผันได้ในทุกวินาที